Gclub บาคาร่า หรือ Baccarat Online คือ การเล่นไพ่รูปแบบหนึ่ง ลักษณะการเล่นจะเหมือนกับการเล่นไพ่ป็อกเด้ง คนเอเชียจะชอบเล่น ปัจจุบัน บาคาร่ามีการพัฒนาการถ่ายทอดสดจาก คาสิโน จริง ให้นักพนันสามารถเล่น จีคลับ บาคาร่า ไฮโล ผ่านเว็บ ผ่านมือถือ ออนไลน์ได้แล้ว สาเหตุที่ Gclub บาคาร่า เป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่นักพนัน คือ บาคาร่า มีกฏ กติกา ง่ายๆ ไม่ซับซ้อน เพลิดเพลินไม่เครียด และยังมีอัตราชนะเดิมพันสูงอีกด้วย
วิธีการเล่น Gclub บาคาร่า Baccarat คือ แจก ไพ่ฝ่ายละ 2-3 ใบเพื่อนับผลรวมของแต้ม ผู้ที่ได้ผลรวมของแต้มดีกว่า แต่ไม่เกิน 9 จะเป็นฝ่ายชนะ แต่หากแต้มเสมอกัน จะมีการเรียกใบที่สามเพื่อนับผลรวมแล้วก็วัดผลแพ้ชนะกันอีกที
แต่ทั้งนี้ที่ดูจะต่างจากการเล่นไพ่ป็อกบ้านเราก็คือ จะมีการเปิดให้เดิมพันทายฝั่งที่ชนะ หรือ ทายผลเสมอได้ ผู้ที่ทายถูกจะได้รับผลตอบแทนตามที่ได้ลงเดิมพันไว้ ก็ถือได้ว่าเป็นเกมส์เดิมพันที่นิยมเล่นกันในคาสิโนถูกกฎหมาย ซึ่งก็มีหลากหลายประเทศที่นิยมเล่นไพ่ชนิดนี้กันในคาสิโน กระนั้นถึงแม้ว่าบาคาร่าจะ เป็นเกมส์ไพ่ที่มีมานานแล้ว และจุดเริ่มต้นทำเพื่อความสนุกสนาน แต่เมื่อเวลาผ่านๆไปเกมส์ไพ่ชนิดนี้ก็ถูกเปลี่ยนจุดประสงค์ไป จากการเล่นเพื่อความสนุกสนาน ก็กลายเป็นการเล่นเพื่อเดิมพัน หรือ เล่นเพื่อพนันนั่นเอง
บาคาร่า ออนไลน์ (Gclub Baccarat Online) มีให้เลือกเล่นหลายโต๊ะ หลายราคา หลายแบบ โดยเริ่มต้นขั้นต่ำ 50 บาท จนถึงหลักพัน สามารถเล่นบาคาร่าผ่านเว็บ ได้ทันที ถ่ายทอดสดตรงจากโต๊ะที่เลือกอยู่คาสิโน
วิธีเล่นบาคาร่า คือ แจกไพ่ฝ่ายละ 2-3 ใบเพื่อนับผลรวมของแต้ม ผู้ที่ได้ผลรวมของแต้มดีกว่า แต่ไม่เกิน 9 จะเป็นฝ่ายชนะ แต่หากแต้มเสมอกัน จะมีการเรียกใบที่สามเพื่อนับผลรวมแล้วก็วัดผลแพ้ชนะกันอีกที
แต่ทั้งนี้ที่ดูจะต่างจากการเล่นไพ่ป็อกบ้านเราก็คือ จะมีการเปิดให้เดิมพันทายฝั่งที่ชนะ หรือ ทายผลเสมอได้ ผู้ที่ทายถูกจะได้รับผลตอบแทนตามที่ได้ลงเดิมพันไว้ ก็ถือได้ว่าเป็นเกมส์เดิมพันที่นิยมเล่นกันในคาสิโนถูกกฎหมาย ซึ่งก็มีหลากหลายประเทศที่นิยมเล่นไพ่ชนิดนี้กันในคาสิโน กระนั้นถึงแม้ว่าบาคาร่าจะเป็นเกมส์ไพ่ที่มีมานานแล้ว และจุดเริ่มต้นทำเพื่อความสนุกสนาน แต่เมื่อเวลาผ่านๆไปเกมส์ไพ่ชนิดนี้ก็ถูกเปลี่ยนจุดประสงค์ไป จากการเล่นเพื่อความสนุกสนาน ก็กลายเป็นการเล่นเพื่อเดิมพัน หรือ เล่นเพื่อพนันนั่นเอง
กติกา บาคาร่า
กติกาการเดิมพัน บาคาร่า บาคาร่าออนไลน์
บาคาร่าที่นิยมเล่นกันในปัจจุบันตามบ่อนคาสิโนต่างๆ จะใช้ไพ่ 6 หรือ 8 สำรับ แต่ละสำรับมีไพ่ 52 ใบ รวมเป็นไพ่ทั้งหมด 312 – 416 ใบ ในการทายผล ไพ่บาคาร่า จะแบ่งการเสี่ยงทายออกเป็น 2 ฝ่าย
คือ ฝ่าย “เพลเยอร์” (PLAYER) กับฝ่าย “แบงค์เกอร์” (BANKER) โดยเริ่มต้นจะมีการจ่ายไพ่ให้ฝ่ายละ 2 ใบ รวมเป็น 4 ใบ โดยไพ่ใบที่ 1 กับใบที่ 3 จะจ่ายให้ฝ่าย “เพลเยอร์” ส่วนไพ่ใบที่ 2 กับใบที่ 4 จะจ่ายให้ฝ่าย “แบงค์เกอร์” แต่ละฝ่ายจะจั่วไพ่ใบที่ 3 เพิ่มหรือไม่นั้นจะมีกฎ กติกา มากำกับ ถ้าฝ่ายใดมีแต้มรวมของไพ่ใกล้เคียง 9 มากที่สุดฝ่ายนั้นจะเป็นฝ่ายชนะ แต้ถ้าแต้มทั้งสองฝ่ายเสมอกันจะคืนเงินเดิมพันให้กับผู้เล่น
โต๊ะบาคาร่า
โต๊ะบาค่าร่าโดยทั่วๆ ไปแล้วจะเปิดให้ผู้เล่นทายผลเดิมพันหลักๆ ด้วยกัน 3 รูปแบบ คือ “PLAYER” , “BANKER” และ “TIE” แต่ก็มีบางบ่อนคาสิโนที่เปิดให้ทายผลเดิมพันมากกว่านั้น เช่น ทายผล “PLAYER PAIR” , “BANKER PAIR” , “BIG” , “SMALL” ฯลฯ โดยมีรายละเอียดการเดิมพันต่างๆ ดังนี้
การวางเดิมพัน
|
การเดิมพันไพ่บาคาร่า
|
ความหมาย
|
อัตราต่อรอง
|
PLAYER |
ทายว่าแต้มรวมไพ่ฝ่ายเพลเยอร์จะเป็นฝ่ายชนะ |
1 : 1 |
BANKER |
ทายว่าแต้มรวมไพ่ฝ่ายแบงค์เกอร์จะเป็นฝ่ายชนะ |
1 : 0.95 |
TIE |
ทายว่าแต้มรวมของทั้งสองฝ่ายจะเสมอกัน |
1 : 8 |
PLAYER PAIR |
ทายว่าไพ่สองใบแรกฝ่ายเพลเยอร์จะออกไพ่คู่ |
1 : 11 |
BANKER PAIR |
ทายว่าไพ่สองใบแรกฝ่ายแบงค์เกอร์จะออกไพ่คู่ |
1 : 11 |
PERFECT PAIR |
ทายว่าไพ่สองใบแรกจะออกไพ่คู่ทั้งสองฝ่าย |
1 : 25 |
BIG |
ทายว่ามีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่ายจั่วไพ่ใบที่สามเพิ่ม |
1 : 0.54 |
SMALL |
ทายว่าไม่มีฝ่ายใดจั่วไพ่ใบที่สามเพิ่ม |
1 : 1.5 |
หมายเหตุ
1. อัตราต่อร่อง เช่น 1 : 8 หมายความว่า แทง 1 ได้ 8 ไม่รวมทุน หรือ ถ้าวางเงินเดินพัน 1 หน่วย เมื่อทายถูกจะได้เงินชนะเดิมพัน 8 หน่วย ไม่ร่วมทุน
2. ไพ่คู่ (PAIR) หมายถึง ไพ่สองใบแรกที่อยู่ในฝ่ายเดียวกันและมีหน้าไพ่เหมือนกัน โดยจะเป็นไพ่ดอกสีอะไรก็ได้ (ไพ่คู่จะไม่นับไพ่ใบที่สามที่จั่วเพิ่มเข้ามา)
ตัวอย่าง “ ไพ่คู่ “
กฎการนับแต้ม ” ไพ่บาคาร่า “
การนับแต้มของ ไพ่บาคาร่า ให้นับโดยนำผลรวมของไพ่ทั้งหมดมารวมกัน โดยแต้มของไพ่จะมีค่าตั้งแต่ 0 – 9 แต้ม หากผลรวมของแต้มมากกว่า 9 ให้ใช้ตัวเลขตัวสุดท้ายเป็นแต้มของไพ่
ตัวอย่าง การนับแต้มไพ่บาคาร่า
กฎการจั่วไพ่ใบที่สาม
เนื่องจากฝ่ายเพลยเยอร์ได้รับการจ่ายไพ่ก่อน ในการจะจั่วไพ่ใบที่ 3 เพิ่มหรือไม่นั้นจึงต้องพิจารณาที่แต้มรวมไพ่สองใบแรกของฝ่ายเพลเยอร์ก่อน ว่ามีแต้มเป็นจำนวนเท่าไรแล้วจึงพิจารณาว่า จะอยู่ หรือ จะจั่วเพิ่ม ตามกฎ กติกาการจั่วไพ่ และหากฝ่ายเพลเยอร์มีการจั่วไพ่ใบที่ 3 เพิ่ม ให้ดูต่อไปว่าจั่วได้ไพ่อะไร จากนั้นจึงค่อยไปพิจารณาต่อว่าฝ่ายแบงค์เกอร์จะจั่วไพ่เพิ่มหรือไม่ โดยมีรายละเอียดปีกย่อย ดังนี้
กฎการจั่วไพ่ใบที่สามของเพลเยอร์
|
แต้มรวมไพ่สองใบแรกของเพลเยอร์
|
การจั่วไพ่ใบที่สาม
|
0, 1, 2, 3, 4, 5 |
จั่วเพิ่ม |
6, 7 |
อยู่ (ไม่จั่วเพิ่ม) |
8, 9 |
ไพ่ป๊อก (ไม่จั่วเพิ่ม) |
แต้มรวมไพ่สองใบแรกของแบงค์เกอร์
|
กฎการจั่วไพ่ใบที่สามของแบงค์เกอร์
|
ถ้าเพลเยอร์จั่วไพ่ใบที่สามได้ไพ่ที่มีแต้มดังต่อไปนี้ ฝ่ายแบงค์เกอร์ต้องจั่วไพ่เพิ่ม
|
ถ้าเพลเยอร์จั่วไพ่ใบที่สามได้ไพ่ที่มีแต้มดังต่อไปนี้ ฝ่ายแบงค์เกอร์ไม่ต้องจั่วไพ่เพิ่ม
|
3 |
1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 9, 0 |
8 |
4 |
2, 3, 4, 5, 6, 7 |
1, 8, 9, 0 |
5 |
4, 5, 6, 7 |
1, 2, 3, 8, 9, 0 |
6 |
6, 7 |
1, 2, 3, 4, 5, 8, 9, 0 |
7 |
– |
อยู่ (ไม่จั่วเพิ่ม) |
8, 9 |
– |
ไพ่ป๊อก (ไม่จั่วเพิ่ม) |
ข้อสังเกต
1. ถ้าฝ่ายเพลเยอร์ ได้แต้มรวมไพ่สองใบแรกตั้งแต่ 0-5 แต้ม จะต้องจั่วไพ่ใบที่สามเพิ่มเสมอ แต่ถ้าได้แต้มตั้งแต่ 6 แต้มขึ้นไปจะอยู่ ไม่มีการจั่วไพ่ใบที่สามเพิ่ม
2. แม้ฝ่ายแบงค์เกอร์จะมีแต้มรวมของไพ่สองใบแรกเพียง 3 แต้ม แต่ถ้าฝ่ายเพลเยอร์ จั่วไพ่ใบที่สามได้ 8 ไม่ว่าแต้มรวมไพ่ทั้งหมดจะเป็นเท่าไร่ก็ตามฝ่ายแบงค์เกอร์ จะไม่มีการจั่วไพ่ใบที่สามเพิ่ม ซึ่งต่างจากการเล่นไพ่ป๊อกเด้งตามบ้านเรา ที่แต่ละฝ่ายจะอยู่ได้ก็ต่อเมื่อมีแต้มรวมตั้งแต่ 4 แต้มขึ้นไป
3. แม้ฝ่ายแบงค์เกอร์จะมีแต้มรวมไพ่สองใบแรกสูงถึง 6 แต้ม แต้ถ้าฝ่ายเพลเยอร์ จั่วไพ่ใบที่สามได้ 6 หรือ 7 ไม่ว่าแต้มรวมไพ่ทั้งหมดจะเป็นเท่าไร่ก็ตามฝ่ายแบงค์เกอร์จะต้องจั่วไพ่ใบที่สามเพิ่มเสมอ
4. เมื่อผู้เล่นเข้าใจกฎการจั่วไพ่ของฝ่ายเพลเยอร์ดีแล้ว กรณีการจั่วไพ่ของฝ่ายแบงค์เกอร์ที่มีกฎการจั่วไพ่ที่ค่อนข้างซับซ้อน ตารางต่อไปนี้จะช่วยให้เราจดจำกฎการจั่วไพ่ดังกล่าวได้ง่ายยิ่งขึ้น